โอมาน...OH MY GOD!!...มัน HOT มาก
Updated: Dec 13, 2022
หลังจากไม่ได้ออกไปต่างประเทศถึงสองปี พอมีโอกาสให้กระตุกต่อมเที่ยวให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง กับ Destination ที่ต้องบอกว่าเป็นทริปท้าท้ายความร้อนแรงแห่งแสงแดดที่สุดในชีวิต กับการไปยังดินแดนตะวันออกกลาง ที่ ประเทศโอมาน

โอมาน หรือชื่อเต็มๆ รัฐสุลต่านโอมาน (سلطنة عُمان) Sultanate of Oman หนึ่งในดินแดนอาหรับของภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้บนคาบสมุทรอาหรับ ล้อมรอบด้วยประเทศเยเมน ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีกรุงมัสกัต (Muscat) เป็นเมืองหลวง

ถ้านึกถึงที่เที่ยวโอมาน ภาพที่ลอยมาก็คงเป็นทะเลทราย ภูเขา และความร้อนของแสงแดดที่แทบจะกลืนน้ำลายตั้งแต่ยังไม่เริ่มออกเดินทาง แต่ก็เอาวะ...ไม่ได้เที่ยวนาน ไปโอมาน ก็คงเป็นอะไรใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยเจอกับสภาพภูมิประเทศแบบนี้ แต่โชคดีเวลาที่ไปเป็นช่วงหน้าหนาว (หนาวของที่นั่น!!) ยังมีลมเย็นให้คลายร้อนบ้างในช่วงตอนกลางคืน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 18-40 องศา ถ้าช่วงหน้าร้อนก็ทะลุไปถึง 45 องศา

และใครจะไปรู้ว่าในโอมาน ก็ยังมีความสดชื่นของธรรมชาติที่แอบซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นทะเล ต้นไม้ ให้ได้พอคลายร้อนกันอยู่บ้าง...



เตรียมตัวออกเดินทาง...
ทริปนี้เราเดินทางช่วงเดินตุลาคม ใช้เวลา 7 วัน (รวมนั่งเครื่อง) เป็นการเที่ยวแบบ Road Trip + Camping
บินไปโอมาน ใช้เวลาประมาณ 6.30 ชม. ถ้าอยากบินตรงก็แนะนำ Oman Air หรือใครสะดวกต่อเครื่องก็มีอีกหลายสายการบิน
ตอนช่วงที่เดินทาง โอมานเปิดให้นักท่องเที่ยวพาสปอร์ตไทย ฟรีวีซ่า อยู่ได้ไม่เกิน 14 วัน แต่ปกติต้องทำ Visa On Arrival หรือทำผ่านออนไลน์ไปก่อนได้ (เงื่อนไขวีซ่า แนะนำให้คอยอัพเดตเรื่อยๆ)
การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศโอมาน ไม่มีขนส่งสาธารณะ อย่างรถเมล์ หรือรถไฟ มีแต่รถ Taxi แบบเหมา หรือเช่ารถขับเอง (ก็น้ำมันเค้าถูก)
ถ้ามาครั้งแรกควรหาไกด์ท้องถิ่นที่ดูน่าเชื่อถือ เพราะเค้าจะช่วยให้เราผ่านด่านตรวจระหว่างทางง่ายขึ้น และรู้ว่าควรไปเส้นทางไหน
โอมานใช้สกุลเงิน OMR (Omani Rial) แลกจากไทยไปได้ แต่ร้านมีให้แลกน้อย (1 OMR ≈ 100 บาท) เอาเงิน USD และบัตรเครดิต ติดเผื่อไปด้วย
SIM Card สำหรับใช้อินเตอร์เน็ต ถ้าใช้ Local SIM จะเล่น LINE ไม่ได้ ต้องเปิด VPN หรือถ้าขี้เกียจ ก็ซื้อซิม SIM2Fly ของ AIS เปิด Roaming จากไทยในราคา 399 ได้ถึง 10GB/10 วัน สัญญาณอยู่ในระดับดี ยกเว้นบางพื้นที่ อย่างเช่นกลางทะเลทราย หรือหุบเขา
เอกสารอื่นๆ ที่ควรมีติดตัวไปด้วย ตั๋วเดินทางไปและกลับ พร้อม International Certificate of COVID-19 Vaccination, เอกสารยืนยันการจองโรงแรม ระดับ 4 ดาวขึ้นไป, เอกสารรับรองการทำงาน, แพลนการท่องเที่ยว หรือ Email จากไกด์ที่คุยไว้, ประกันการเดินทาง
เวลาที่โอมาน ช้ากว่าไทย 3 ชม. (GMT+4)
โดยเส้นทางการเที่ยวของเราจะไปที่ไหนบ้าง ตามไปพร้อมกันเลยครับ...


Day 1 พร้อมแล้ว Let's Go to Oman
การมาประเทศโอมาน ทริปนี้ เราเลือกบิน indiGo เปลี่ยนเครื่องที่อินเดีย เพราะช่วงไปที่เป็นช่วงบอลโลก ค่าตั๋วเส้นทางแถบนั้นราคาแรงมาก แต่โดยรวมแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร แค่อาจจะเจอกับความวุ่นวายของสามบินอินเดียนิดหน่อย....


ผ่านไป 4 ชม.ครึ่ง ถึงสนามบินมุมไบ ประเทศอินเดีย เกือบต่อเครื่องไม่ทัน เพราะมัวแต่ส่ายหัวกันอยู่นั่นแหล่ะ ไม่คิดว่าที่นี่ต้องใช้เวลา และขั้นตอนมากขนาดนี้ รู้งี้บินตรงเหอะ...


ออกจากมุมไบ อีกประมาณ 2 ชม.ครึ่ง ก็ Landing สู่กรุงมัสกัต เป็นที่เรียบร้อย รอคิว ตม.ประมาณครึ่ง ชม. ใช้เวลาตรวจ Passport ไม่นาน ถามแค่มาจากไหน มากี่วัน ก็สแตมป์ผ่านฉลุย


Welcome To Oman
ออกมาจากสนามบิน ได้สัมผัสอากาศด้านนอกประมาณ 20 องศา ยังรู้สึกชิลๆ แต่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้กลางวันจะเป็นยังไง
หลังได้นัดเจอกับไกด์แล้ว ก็พากันไปที่โรงแรม Centara Muscat Hotel Oman อยู่ไม่ไกลจากสนามบิน จะได้มีเวลาพักเก็บแรงให้เต็มที่ เพราะวันที่เหลือยังไม่รู้เลยว่าจะได้นอนที่ไหนบ้าง


Day 2 Muscat - Wadi Arbaeen - Bimmah Sinkhole- Nizwa
ตื่นเช้าออกมารับแสงแดดซะหน่อย เพิ่งจะ 9 โมงครึ่ง โอ้ยย แม่เจ้าโว้ยยย ร้อนชิบหายยยย แทบไหม้!!

สไตล์บ้านเมืองของที่นี่ จะเน้นโทนสีขาว เพราะจะช่วยลดการดูดซับความร้อนจากแสงแดดได้ดีกว่า อย่างเวลาเราอยู่กลางแจ้งร้อนจัดๆ พอเข้าที่ร่มจะรู้สึกเย็นสบาย

รถพร้อม เสบียงพร้อม ไกด์พร้อม เราจะเที่ยวกินนอนไปตลอดทริปนี้ ไกด์คนนี้มีอะไรให้คุยกันสนุก เมาท์มอยกันตลอดทาง


ประเดิมข้าวเช้ามื้อแรกที่โอมานที่ร้าน Dukanah Cafe ก็เลยลองใช้มือจกกินแบบสไตล์อาหรับ


อิ่มแล้วก็ออกเดินทางกันต่อยาวๆ ระยะทาง 125 กม. มุ่งหน้าออกไปนอกเมือง ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 45 นาที

ข้อดีของการจ้างไกด์ท้องถิ่น เค้าจะรู้และชำนาญเส้นทางมากกว่า ระหว่างทางอยากแวะถ่ายรูปตรงไหนก็ได้

แต่ถ้าใครอยากขับรถเที่ยวเองก็ไม่ยาก น้ำมันก็ถูก ถนนหนทางก็ดี แต่ก็จะมีบางช่วงต้องผ่านด่านตรวจ หรือเจอสภาพภูมิประเทศที่เป็นเนินเขา หรือทะเลทราย มีคนคอยขับรถให้ก็สบายใจละ




กว่าจะผ่านเส้นทางลูกรังขึ้นๆลงๆเนินเขา ตับใตไส้พุงแทบกองรวมกัน ที่แรกที่มาถึงก็คือ Wadi Arbaeen (وادي العربيين)


Wadi แปลว่า บริเวณลำน้ำหรือลำธาร หรือบริเวณที่อุดมสมบูรณ์ในทะเลทราย ที่นี่เป็นหนึ่งในหุบเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโอมาน มีหมู่บ้านเล็กๆ ที่รายล้อมไปด้วยต้นปาล์ม อินทผลัม และมีแหล่งน้ำจืด น้ำตก โขดหินน้อยใหญ่ สามารถลงเล่นน้ำคลายร้อนได้ (แต่ยังไม่อยากเปียก ขอดูวิวสวยๆไปก่อนดีกว่า)



จากนั้นไปต่อกันที่ Bimmah Sinkhole (هوية نجم) ซึ่งก็อยู่ไม่ไกล ขับรถไปประมาณ 45 นาที ระยะทาง 21 กม. เป็นหนึ่งในสถานที่น่ามหัศจรรย์ของโอมาน เพราะมีลักษณะเป็นหลุมน้ำสีเขียวมรกตใสขนาดใหญ่มีความกว้างประมาณ 50 x 70 เมตร ลึก 20 เมตร และมีน้ำทะเลไหลซึมผ่านเข้ามา กลายเป็นโอเอซิสที่ให้คนมาเล่นน้ำพักผ่อนกัน ลงไปเล่นน้ำให้ปลาตัวน้อยๆ คอยตอดเล่นเพลินดี

เห็นบันไดทางลงแล้ว ไม่อยากจะนึกถึงตอนกลับมาขึ้นมา...


แหล่งน้ำที่นี่เป็นน้ำเค็ม ถ้าใครจะลงเล่นแล้วไม่มีห้องน้ำให้อาบนะ ถ้าอยากจะล้างตัวมีแต่ห้องส้วมกับสายฉีดก้น ก็เลยยอมปล่อยให้ตัวแห้งไปแบบนั้นแหล่ะ

ระหว่างทางกลับพระอาทิตย์กำลังจะตก ก็เลยได้แวะนั่งปิคนิคกันริมหน้าผาดูวิวทะเล




ทีแรกมีแพลนจะไป Wadi กันอีกที่ และตั้งแคมป์นอนกันคืนนี้ แต่เวลาไม่ทัน ก็เลยต้องมุ่งหน้าไปเมือง Nizwa (نِزْوَى) ต่อเลย อีกประมาณ 4 ชม. ด้วยระยะทาง 280 กม. ถึงแล้วก็รีบหาที่พักเพื่ออาบน้ำล้างตัว

Naaman Bin Al Munther Villa เกสต์เฮ้าส์ที่เราพักคืนนี้ ข้างในตกแต่งได้อลังการมาก

คืนนี้ยังไม่จบ หลังจากอาบน้ำเสร็จ สบายตัวละเริ่มหิว เลยชวนออกไปหา Seafood กินกันที่ร้าน Angry Crab กันต่อ

เมนูคล้ายๆ กุ้งถัง เสิร์ฟพร้อมข้าวแบบจุกๆ กินกันได้ 3-4 คน หลับสบายละคืนนี้...

Day 3 Nizwa - Jabal Shams
ออกมาเดินเล่นรับแสงยามเช้าแถวตลาด Nizwa Souq (سوق نزوى المركزي) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก และช่วงเช้านั้นบรรยากาศกำลังคึกครื้น

Nizwa (نِزْوَى) อดีตเมืองหลวงเก่าของโอมาน อยู่ห่างจากเมืองมัสกัต ประมาณ 150 กม. แลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่ก็คือป้อมปราการ Nizwa Fort (قلعة نزوى) ที่อยู่ติดกับตลาด Nizwa Souq





ที่ตลาด Nizwa มีของขายเยอะมาก โดยเค้าจะแบ่งเป็นโซนๆ อย่างเช่นโซนของเก่า ผักผลไม้ อาหารทะเล เนื้อสัตว์ เครื่องเทศ และอีกมากมาย